เลือกครีมกันแดดไม่ได้ดูแค่ SPF สูง แค่นี้ไม่พอ
ภาวะโลกร้อน สภาพชั้นโอโซนถูกทำลาย ทำให้แสงอุลตร้าไวโอเลต ชนิดเอและบี (UVA และ UVB) ทะลุเข้าสู่ชั้นบรรยากาศมากขึ้น ทำร้ายผิวหนังของมนุษย์เรารุนแรงมากขึ้น ถ้าเราไม่มีตัวปกป้อง ผิวพรรณที่เหี่ยวย่น และโรคมะเร็งผิวหนัง จะทำให้เราหลีกเลี่ยงได้ยาก
ครีมกันแดด เป็นเครื่องสำอางที่ผู้คนให้ความสำคัญเพิ่มมากขึ้น แต่ทุกคนจะมีวิธีเลือกครีมกันแดด โดยมุ่งแน้นไปที่ SPF สูง โดยคิดฝังใจว่ายิ่ง SPF สูุง ๆ ยิ่งปกป้องได้ดี แต่เป็นข้อที่ถูกเพียงบางส่วน
## SPF ( Sun Protection Factor ) คือประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์กันแดด ที่จะปกป้องผิวจากรังสียูวีบี และริ้วรอยที่เกิดขึ้นจากแสงแดด ยิ่งตัวเลขสูง ยิ่งป้องกันได้ดี ผิวปกติเมื่อโดนแดดประมาณ 10 - 15 นาที จะเกิดอาการไหม้แดดหากค่า SPF 15 เท่ากับปกป้องได้ 15 เท่าของค่าปกติ คือ 15 X 15 = 225 นาที หรือ 3 ชั่วโมง 45 นาที ครีมกันแดดที่ค่าต่ำกว่า 15 ผิวเราแทบไม่ได้รับการปกป้องเลย ค่าที่เหมาะสมควรอยู่ระหว่าง SPF15 - 35
## แต่มีข้อควรระวังว่า ถ้าเราทาครีมกันแดดไปแล้วแม้เวลาผ่านไปไม่นาน หากเหงื่อออกแล้วคุณเช็ดเหงื่อออก ครีมกันแดดคุณควรลงซ้ำใหม่
## นอกจาก SPF แล้วค่าที่สำคัญอีกตัวหนึ่งคือ PA (Protection Grade of UVA) เป็นค่าที่สำคัญอีกตัวหนึ่งที่แสดงถึงระดับการป้องกันรังสียูวีเอ ซึ่งเป็นรังสีที่ลงลึกเข้าไปใต้ผิวหนังทำลายคอลลาเจนใต้ผิว สร้างอนุมูลอิสระทำร้ายผิวได้มาก ประสิทธิภาพของการป้องกันจะระบุด้วยเครื่องหมาย + โดยแบ่งเป็น 3 ระดับ PA+หมายถึงปกป้อง UVA ได้ 4 เท่า PA++ ปกป้องได้ 4 - 8 เท่า และค่าสูงสุดที่ PA+++ ปกป้องได้มากกว่า 8 เท่า
