วันศุกร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2556

นวดเซลลูไลต์สลายไขมัน


ตามปกติเซลล์ไขมันที่อยู่ใต้ผิวหนังจะถูกประคองด้วยเซลล์ร่างแหบางๆ (คล้ายตาข่าย) ที่เรียกว่า “เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน” ทำหน้าที่ยึดระหว่างผิวหนังกับกล้ามเนื้อ กั้นกลุ่มไขมันไว้เป็นช่องๆ แต่เมื่อเกิดเซลลูไลท์ เซลล์ไขมันในช่องพวกนี้จะขยายขึ้น ในขณะที่เนื้อเยื่อเกี่ยวพันไม่ขยายตาม ทำให้เบียดทั้งทางเดินน้ำเหลืองและระบบหมุนเวียนหลอดเลือดเล็กๆ ใต้ผิวหนัง จนการไหลเวียนของระบบเลือดบริเวณนั้นลดประสิทธิภาพลง เกิดการคั่งของน้ำเหลืองเป็นพังผืดดึงผิวด้านบนให้ย่นลงมาเป็นรอยบุ๋มเป็นช่วงๆ จึงเป็นที่มาของการเรียกเซลลูไลท์ว่า “ผิวเปลือกส้ม” 
          นอกจากเซลลูไลท์จะสร้างปัญหาด้านความงาม รบกวนจิตใจของคุณผู้หญิงแล้ว ยังอาจก่อให้เกิดโรคจากการที่ร่างกายสะสมไขมันมากเกินไปด้วย เช่น ไขมันอุดตันในเส้นเลือด และหากการไหลเวียนของน้ำเหลืองมีประสิทธิภาพลดลง จะส่งผลกระทบต่อระบบการไหลเวียนของเส้นเลือดดำ ทำให้เกิดเส้นเลือดขอดและเท้าบวมตามมา ประมาณ 85 เปอร์เซ็นต์ ของผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า 20 ปี มักเริ่มมีเซลลูไลท์และเมื่ออายุมากกว่า 50 จะมีผิวเซลลูไลท์ให้เห็นมากบ้างน้อยบ้างแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับพันธุกรรม เชื้อชาติเผ่าพันธุ์ 
          ทีนี้เรามาดูประเภทของ “เซลลูไลท์” กัน…
       Hard Cellulite: พบได้บ่อยในผู้หญิงที่อายุน้อย (20-40 ปี) และมีการออกกำลังกายเป็นประจำ ลักษณะที่พบ คือ เมื่อบีบตามร่างกายจะเป็นก้อนแข็งเล็กๆ พบบ่อยบริเวณสะโพก และบั้นท้าย 
           Flaccid Cellulite: พบได้ในผู้หญิงอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป ที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย มีลักษณะเป็นก้อนไขมันนุ่มๆ มีการหย่อนคล้อย กล้ามเนื้ออ่อนเหลว พบบ่อยบริเวณท้องแขน คาง รอบเอว และหน้าท้อง
Edematous Cellulite: เกิดจากการไหลเวียนโลหิตไม่ดี มีการคั่งของน้ำเหลือง ทำให้ลักษณะเหมือนบวมน้ำ กดแล้วบุ๋ม พบบ่อยที่ต้นขา สะโพก พบว่าผิวหนังดูบอบบางเห็นเส้นเลือดและบวม 
        Mixed Cellulite: พบได้บ่อยที่สุด ซึ่งในหนึ่งคนอาจพบเซลลูไลท์ทุกแบบ ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย
          พัฒนาการของ… เซลลูไลท์ตัวร้าย
          ระยะที่ 0: เป็นระยะที่เริ่มมีพังผืดเกิดขึ้น แต่ไม่มาก ไม่สามารถสังเกตได้ทั้งจากการยืน หรือการนอนจะไม่เห็นเป็นผิวเปลือกส้มแต่อย่างใด แต่เมื่อทดลองหยิบเนื้อบริเวณนั้นขึ้นมาจะปรากฏเป็นรอยบุ๋มเกิดขึ้น
          ระยะที่ 1: ยังไม่สามารถเห็นรอยบุ๋มได้เช่นเดียวกับระยะที่ 0 แต่เมื่อทดลองหยิบเนื้อขึ้นมาพบว่ามีรอยบุ๋มเพิ่มมากขึ้น
          ระยะที่ 2: สามารถเห็นรอยของเซลลูไลท์ได้ชัดเจนในขณะยืนโดยไม่จำเป็นต้องจับขึ้นมาดู แต่ในขณะนอนจะยังไม่สามารถเห็นได้
          ระยะที่ 3: ไม่ว่าจะยืนหรือนอนจะสามารถเห็นเป็นผิวเปลือกส้มได้ทั้งหมด เป็นระยะที่รักษายากที่สุดเพราะเกิดการสะสมของเซลลูไลท์มาในระยะเวลานานมาก
          ทั้งนี้ ระยะการก่อตัวของเซลลูไลท์จะขึ้นอยู่กับกิจกรรมของแต่ละบุคคล ประกอบกับการกินอาหาร เช่น คาร์โบไฮเดรท ไขมัน และน้ำตาลที่มากเกินไป เป็นต้น
          เทคนิคใหม่สลายเซลลูไลท์
          
          เมโซเธอราปี ,  คาร์บ็อกซี เธอราปี  , การนวดด้วยเครื่องอัลตร้าซาวน์ ,  การนวดแบบเอนเดอร์โมโลยี ,ออกกำลังด้วยเครื่องโฮบอดี้ ไวเบรชั่น   ล้วนเป็นวิธีที่ราคาสูงมาก

          อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีต่างๆ ที่ช่วยสลายไขมันนี้สามารถคงทนอยู่ประมาณ 6 เดือน ถึง 1 ปี การออกกำลังกาย และการควบคุมอาหารจึงเป็นวิธีที่ช่วยให้เซลลูไลท์ก่อตัวช้าขึ้น นอกจากนี้ การตัดสินใจเลือกเทคโนโลยีเพื่อลดเซลลูไลท์ ด้วยการนวดด้วยครีมเจลด้วยตนเองเป็นวิธีที่ประหยัดและได้ผลเช่นกัน แต่ต้องทำอย่างมีวินัยจริงๆ

นวดเซลลุไลล์ด้วยตนเอง ง่ายๆ ประหยัดได้ผลเช่นกัน
          
          บริเวณหน้าท้อง
          • บีบเนื้อครีมบริเวณหน้าท้องประมาณ 8 - 9 เซนติเมตร
          • ลูบไล้เนื้อครีมโดยการวางมือทั้งสองบนหน้าท้อง หมุนวนเป็นเกลียวตามเข็มนาฬิกา เริ่มจากสะโพกวนเข้ายังสะดือ 
          • นวดต่อจากบริเวณสะดือ โดยนวดหมุนวนขึ้นสู่หัวใจบริเวณใต้ทรวงอก เพื่อช่วยขับของเสีย และยกกระชับกล้ามเนื้อให้เต่งตึงขึ้น
          บริเวณสะโพก
          • บีบเนื้อครีมบริเวณหน้าท้องประมาณ 9 - 10 เซนติเมตร วางมือทั้ง 2 ข้าง ลงบนสะโพกส่วนล่างทั้งซ้ายและขวา นวดกดคลึงหมุนวนตามเข็มนาฬิกา โดยนวดวนขึ้นสู่สะโพกส่วนบนเข้าสู่หัวใจ  
          บริเวณต้นขา 
          • บีบเนื้อครีมบริเวณท้องต้นขาประมาณ 5 - 6 เซนติเมตร โดยยกขาให้ตั้งฉากกับลำตัว จากนั้นนวดไล่หมุนวนขึ้น  
          บริเวณก้น
          • บีบเนื้อครีมบริเวณก้นประมาณ 9 - 10 เซนติเมตร จากนั้นนวดวนขึ้นสู่หัวใจ โดยไล่ยกขึ้นมาทางสะโพก  



ขอขอบคุณข้อมูลจาก PANTIP.COM